เอื้อเฟื้อ เมตตา อาสาช่วยงาน บริการด้วยน้ำใจ

12/10/55

เทคนิคการดูแล เยียวยาผู้ป่วยระยะสุดท้าย

                
ชีวิตคนเราดำรงอยู่ได้เพราะมีลมหายใจเข้า-ออก จึงเรียกว่าลมปราณ การเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกาย     (ความเสื่อม การตายของเซลล์) ย่อมเป็นไปทุกขณะจิตตามเหตุและปัจจัย ดังนั้นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย       จึงเป็นธรรมดาของสัตว์โลก เกิดขึ้น - ตั้งอยู่ - ดับไป (อนิจจัง - ทุกขัง - อนัตตา)

                การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจของผู้ป่วย
1. ความกลัว                          - กลัวอยู่คนเดียว ถูกทอดทิ้ง เกิดความซึมเศร้า หมดแรง สิ้นกำลังใจ
2. ความห่วง วิตกกังวล       - เป็นห่วงคนที่รัก ห่วงทรัพย์สินมรดก
3. กลัวชีวิตหลังความตาย   - หวนคำนึงถึงบาป สิ่งที่ไม่ดีที่เคยกระทำ ภาพเก่า จิตหลอกหลอน (กรรมนิมิต)
4. กลัวถูกรังเกียจ - ถ้าไม่ได้สั่งเสียเรื่องสำคัญแก่คนที่รัก อยากพูดสารภาพบาป เป็นการปลดปล่อย
5. ความเจ็บปวดทางร่างกายมีผลกระทบต่อภาวะจิต (ทุกขเวทนา) คิดมากฟุ้งซ่าน เกิดภาวะเครียดอย่างรุนแรง

                การประเมินภาวะสุขภาพจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ปฏิกิริยาและพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ด้านจิตใจ อาจจะสรุปได้ดังนี้
1. กลัว  ตกใจ  และปฏิเสธความจริงของชีวิต
2. ความโกรธ เกลียดตัวเองที่กำลังจะจากไป
3. อยากมีข้อตกลง ต่อรองกับความตายและการสูญเสียที่กำลังจะมาถึง จิตสับสน
4. เกิดสภาวะซึมเศร้า หมดกำลัง สิ้นพลัง มองโลกในแง่ลบ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ เพ้อ เกิดนิมิตร้าย
5. เป็นระยะที่ยอมรับความจริง พร้อมใจที่จะเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง (กฎของธรรมชาติ)
               
                ข้อปฏิบัติของมิตรภาพบำบัดผู้ป่วยระยะสุดท้าย  สรุปประเด็นที่กลุ่มจิตอาสาหรือญาติพึงตระหนักเป็นสำคัญดังนี้
1. ให้ความรัก ความเมตตาแก่ผู้ป่วย แสดงออกทางสีหน้า แววตา สัมผัสด้วยเมตตาจิต
2. พลังเมตตาที่มอบให้ผู้ป่วย เป็นการเยียวยาที่เรียกว่า จิตบำบัดด้วยรัก ปรารถนาดี
3. ปิยวาจา พูดให้กำลังใจในสิ่งที่ดีๆ บุญกุศลที่ได้กระทำ น้อมรำลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ป่วย
    นับถือตามหลักศาสนานั้นๆ
4. พูดให้สติ รู้จักปล่อยวาง นึกถึงคุณงามความดีที่เคยกระทำ ให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
5. พูดให้คลายความวิตกกังวล สิ่งที่ค้างคาใจ ยอมรับสัจจธรรมของชีวิต พร้อมใจที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นแก่
    ตนเองในเบื้องหน้า


6. การอำลาและขอความเห็นใจ (ตามหลักความเชื่อของศาสนาที่ผู้ป่วยนับถือ)
    - การขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวร สิ่งที่เคยผิดพลาดในอดีต การล่วงเกินต่อบุพการี
    - นึกถึงคุณงามความดีของตนเอง จนเกิดความภาคภูมิใจ ยิ้มให้กับตนเองได้
    - ให้คนที่รักได้พูดความในใจที่มีต่อผู้ป่วย บอกรัก โอบกอดด้วยใจรักอบอุ่น
    - จิตภาวนา การได้ฟังเสียงบรรยายธรรมะ การสวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
               
ตายแล้วไปไหน  ตามหลักพระพุทธศานา พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า เมื่อคนเราตายจากโลกนี้ไปแล้ว จะไปจุติเกิดได้ 5 ทาง คือ
1. ทางที่ 1  ไปเกิดในอบายภูมิ 4 คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
2. ทางที่ 2  ไปเกิดเป็นมนุษย์
3. ทางที่ 3  ไปเกิดบนสวรรค์ เป็นเทวดา นางฟ้า สวรรค์ 6 ชั้น
4. ทางที่ 4  ไปเกิดบนพรหมโลก เป็นพรหมชั้นต่างๆ 20 ชั้น
5. ทางที่ 5  ไปพระนิพพาน
                ตามหนังสือโบราณที่หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา (ปรมาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน) ได้เขียนไว้ว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตต่างๆกัน เช่น
1. เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ ดวงไฟ แสดงว่าคนนั้นตายแล้วตรงไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักพญายม
2. เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นป่าไม้ จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
3. เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นมนุษย์
4. เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญกุศล เช่น เคยให้ทานไหว้พระพุทธรูป พระอริยสงฆ์อันเป็นกุศลผลบุญอย่างนี้
   ก็จะไปเกิดบนสรรค์ตามภพชั้น คือไปสู่สุคติภูมิ...นั่นแล

ข้อคิด  ตอนคลอดออกมาเราร้องไห้ ท่ามกลางความดีใจของพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง
          ครั้นความตายมาถึง ลูกหลาน ญาติพี่น้องร้องไห้เสียใจ เราจะต้องปีติ ยิ้มให้ตนเอง



  คุณกิจพัฒน์  เรืองช่วย
จิตอาสา รพ.ราชบุรี